อังกฤษเป็นประเทศที่เป็นผู้นำด้านการวิจัยทางการแพทย์ และติดอันดับที่สองใน Scimago Journal and Country Rank จึงไม่แปลกใจที่นี่จะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ มหาวิทยาลัยชั้นนำเช่น UCL และ University of Oxford มีหลักสูตรที่เข้มข้นทั้งด้านการวิจัยและการปฏิบัติจริง หลายหลักสูตรได้รับการรับรองจากสภาการแพทย์ทั่วไปของอังกฤษ (GMC) ทำให้น้อง ๆ มั่นใจได้ว่าการเรียนของตนมีมาตรฐานสูง เหมาะสมสำหรับการประกอบวิชาชีพในอนาคต
นักเรียนในอังกฤษสามารถเลือกเรียนในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ เช่น เภสัชศาสตร์ กายภาพบำบัด วิทยาศาสตร์การกีฬา และการแพทย์และศัลยกรรม รวมถึงหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ เช่น ประสาทวิทยาศาสตร์ทางปัญญา การพูดทางนิติวิทยาศาสตร์ สถิติสุขภาพ และการแพทย์โมเลกุล
การศึกษาที่มีคุณภาพ: โรงเรียนกฎหมายในอังกฤษมีชื่อเสียงในเรื่องมาตรฐานการศึกษาเข้มข้นและวิธีการสอนที่ทันสมัย น้อง ๆ จะได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจริง
ประสบการณ์จริง: นักเรียนที่เรียนในสาขาสุขภาพและการแพทย์จะได้รับประสบการณ์การทำงานจริง รวมถึงการฝึกงานและการติดต่อกับผู้ป่วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร
ความหลากหลายในการศึกษา: โรงเรียนกฎหมายในอังกฤษมีสาขาวิชาที่หลากหลาย เช่น ทันตกรรม เภสัชศาสตร์ จิตวิทยาคลินิก พยาธิวิทยา และการผ่าตัด
ในการจัดอันดับ QS World University Ranking ปี 2020 มีมหาวิทยาลัยในอังกฤษถึง 84 แห่ง และมี 4 แห่งที่ติดอันดับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ได้แก่ University of Oxford ที่มีอันดับ 1 ในสาขาการแพทย์ ส่วน University of Cambridge, Imperial College London, และ University College London อยู่ในอันดับ 2, 9 และ 14 ตามลำดับ
นักเรียนต่างชาติจะได้รับวีซ่าทำงานหลังจากจบการศึกษาเป็นระยะเวลา 2 ปี
ความเป็นเลิศทางวิชาการ: ควรตรวจสอบความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรและอาจารย์ผู้สอน เพื่อให้มั่นใจว่ามีการฝึกงานหรือการแนบเข้ากับโรงพยาบาล
ค่าใช้จ่าย: ค่าเล่าเรียนอาจแตกต่างกันไป ควรตรวจสอบว่ามีทุนการศึกษาหรือการช่วยเหลือทางการเงินหรือไม่
สถานที่ตั้ง: เลือกมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สะดวกต่อการใช้ชีวิตและเรียนรู้
การสนับสนุนสำหรับนักเรียนต่างชาติ: มหาวิทยาลัยที่ดีจะมีการช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติในเรื่องที่พัก สวัสดิการนักเรียน และโอกาสในการทำงานหลังเรียนจบ
การเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์ในอังกฤษนั้นมีการแข่งขันสูง น้อง ๆ จะต้องเตรียมเอกสารการสมัครที่เกี่ยวข้อง เช่น ประวัติการศึกษา เช่น O Levels, A Levels, หรือปริญญาตรี พร้อมทั้งทำการสอบเพิ่มเติม เช่น BioMedical Admissions Test (BMAT) และ United Kingdom Clinical Aptitude Test (UKCAT)
นอกจากนี้ น้อง ๆ ต้องแสดงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษด้วยการสอบ IELTS, TOEFL หรือ UCLES โดยทั่วไปแล้ว คะแนน IELTS สำหรับโปรแกรมปริญญาตรีต้องอยู่ที่ 6.0 และสำหรับปริญญาโท 6.5 ขึ้นไป
โรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่ในอังกฤษยังต้องการให้นักเรียนมีการสอบเข้าร่วมสัมภาษณ์ ซึ่งอาจมีการสัมภาษณ์ผ่าน Skype สำหรับนักเรียนต่างชาติ
การเลือกเรียนในสาขาที่ใช่และเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ อาจจะทำให้รู้สึกเครียดได้ แต่เราพร้อมช่วยเหลือ! ทีมงาน IDP จะคอยช่วยแนะนำตั้งแต่การเลือกหลักสูตรจนถึงการสมัครเรียน ติดต่อเราวันนี้เพื่อเริ่มต้นการเดินทางในอนาคตของคุณ!