โดย ครอบครัว K. Pat ดำเนินการเรียนต่อกับ IDP

Paragraph Image

โรงเรียนรัฐบาลรัฐควีนสแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย หรือ Queensland Government Schools ดำเนินการโดย กระทรวงศึกษาธิการ รัฐควีนสแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มีโรงเรียนในเครือให้นักเรียนเลือกเรียนกว่า 90 แห่ง ตามความถนัดและความสนใจ คุณภาพมาตรฐานระดับโลกจจุบัน ปัจจุบัน มีนักศึกษาจากประเทศต่างๆจำนวน 2,718 คน จาก 62 ประเทศทั่วโลก

วันนี้ทาง IDP มีเรื่องราวของครอบครัวที่น่ารัก พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ให้ทุกคนได้ฟังที่ตัดสินใจพาลูกสาวไปเรียนต่อกับโรงเรียนรัฐบาลรัฐควีนสแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มาเริ่มกันเลย

เริ่มจากน้อง ๆ ทั้ง 2 คน

1. แนะนำตัวเองให้เรารู้จักเพิ่มมากขึ้น

Jenistar - หนูชื่อ ด.ญ. จณิสตา ตาฮิติ ทาอิน่า สัจเดว์ หรือ เรียกสั้นๆว่า ตาฮิติ ก็ได้ค่ะ ตอนนี้หนูมีอายุ 14 ปี เคยศึกษาที่ โรงเรียน Glory Singapore International School ที่ กรุงเทพฯ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ โรงเรียน Benowa State High School เมือง โกลด์โคส รัฐควีนแลน อยู่ ม.3 หนู มาจาก กรุงเทพฯ และ เพิ่งได้ไปทำการสอบ เพื่อเข้า โรงเรียน Queensland Academies

Tara - หนูชื่อ ด.ญ. ทารา ซิดนี่ย์ ทาอิน่า สัจเดว์ หรือ เรียกสั้นๆว่า ซิดนี่ย์ ก็ได้ค่ะ ตอนนี้หนูมีอายุ 11 ปี เคยศึกษาที่ โรงเรียน Glory Singapore International School ที่ กรุงเทพฯ กำลังศึกษาอยู่ที่ โรงเรียน Benowa State High School เมือง โกลด์โคส รัฐควีนแลน อยู่ ม.1 ตอนนี้เรียนอยู่ในโปรแกรม ที่เรียกว่า Excellence Program - French Immersion ซึ่งการเรียนการสอน จะเป็นภาค ภาษาฝรั่งเศสค่ะ

2. เหตุผลที่เลือกเรียนต่อที่รัฐควีนแลนส์ ประเทศออสเตรเลีย

Jenistar and Tara - สาเหตุ ที่เลือกมาโกลด์โคส รัฐควีนแลนส์ เพราะว่า อากาศที่นี่ ไม่หนาวมาก และฤดูมีความคล้ายกับที่ประเทศไทยค่ะ เรื่องที่คำนึงเป็นหลักเลยก็คือ อากาศ ความปลอดภัย โรงเรียนและระบบการศึกษา ผู้คน ความสะดวกในการเดินทาง ตอนนั้น ก็ดูโรงเรียนไว้หลายประเทศค่ะ ทั้ง ประเทศ อังกฤษ และ อเมริกา ด้วย

3. คิดว่าตัวเองต้องปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงมากน้อยขนาดไหน

Jenistar - ตั้งแต่วันแรกที่มาเรียนที่นี่ ก็มีหลายอย่างที่ต้องปรับตัวค่ะ โรงเรียนที่นี่สอนให้มีอิสระทางด้านความคิด ให้คิดนอกกรอบ และสามารถที่จะทำงานคนเดียวก็ได้ และ เป็นทีมก็ได้ หลายๆอย่างก็ต้องหัดทำเอง และ ทำให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นค่ะ

Tara - ได้ฝึกฝนทางด้านการปรับตัว ทำให้เรียนรู้ที่จะปรับตัวได้เร็วขึ้น อะไรที่ไม่รู้ก็ควรค้นหาให้รู้ค่ะ และก็มี ความคิดที่เปิดกว้างมากขึ้น กล้าถาม และ ออกความคิดเห็นมากขึ้นค่ะ ทำให้มีความเป็นผู้นำมากขึ้นด้วย

4. คุณครูและเพื่อนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง

Jenistar and Tara - ครู บุคลากรที่โรงเรียน ใจดีมากค่ะ และ ยินดีให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา ส่วนเพื่อนๆก็นิสัยดีค่ะ ผู้คนที่นี่ ก็ใจดี ที่โรงเรียนมีกิจกรรม หลายอย่างทำให้ไม่เบื่อค่ะทั้งกิจกรรมภายในโรงเรียน และ กิจกรรมนอกโรงเรียน เช่น มีจัดทริป ไปดู ปลาวาฬ แค้มปิ้ง และอีกหลายอย่างค่ะ คิดว่า หลายคนต้องชอบค่ะ

5. มีกิจกรรมใหม่ ๆ อะไรที่ลองแล้วอยากแนะนำไหมคะ

Jenistar - ได้ลองไปเล่น Tree top Challenge เป็นการปีนป่ายเชือก บนต้นไม้ และ ต้องข้าม ด่านอุปสรรค ไป เรื่อยๆ อันนี้สนุกมากค่ะ และ ยังได้ลองทาน เนื้อ จิงโจ้ และ เนื้อจระเข้ เป็นครั้งแรกอีกด้วยค่ะ

Tara - ที่นี่มีสนามเด็กเล่น ที่น่าเล่นเยอะมาก ทะเลก็สวย และ ยังได้ลองทาน เนื้อ จิงโจ้ และ เนื้อจระเข้ เป็นครั้งแรกอีกด้วยค่ะ

6. ตอนนี้มีความชื่นชอบด้านใดเป็นพิเศษ

Jenistar and Tara - อยากเรียน ไปทางด้าน การแพทย์ และ วิทยาศาสตร์ ค่ะ อยากที่จะช่วยคิดค้นยารักษา เมื่อเรียนจบ ม.6 (Year 12) ที่นี่แล้ว ก็คิดจะเรียนต่อ มหาวิทยาลัย ที่นี่ด้วยค่ะ

7. อยากฝากอะไรถึงเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนมาเรียนต่อกับโรงเรียนรัฐบาลรัฐควีนแลนด์

Jenistar and Tara - สำหรับ หลายๆท่านที่กำลังคิด กำลังหาข้อมูล หรือ กำลังตัดสินใจอยู่น่ะค่ะ อยากจะบอกว่า ที่นี่ การเรียนการสอนดีมากน่ะค่ะ ทั้งบุคคลากร ของโรงเรียน และ ทางโรงเรียนเอง ได้ ให้ความช่วยเหลือ และ มี หลาย โปรแกรม ที่ทางโรงเรียนได้จัดทำเอาไว้เพื่อช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติ ในเรื่องปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การเรียน และ การปรับตัว ความปลอดภัยที่นี่ก็ดีมากค่ะ เราจะได้ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เรียนรู้ที่จะได้ใช้ความคิดสร้างสรร ของตัวเอง และใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา และ ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเข้ากับ สภาพสังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะ เด็กๆที่นี่ หลายๆอย่างก็ต้องหัดทำเองค่ะ ทำให้รู้สึกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นค่ะ

Paragraph Image

มาต่อกันที่คุณแม่กันบ้าง

1. การเป็นอยู่หรือการอยู่อาศัยในควีนสแลนด์ เช่น การเดินทางไปส่งลูก ซื้ออาหาร ของใช้ ต่างๆ การขึ้นรถประจำทางสาธารณะ สะดวกหรือไม่อย่างไร

การเป็นอยู่ที่ โกลด์โคส รัฐควีนสแลนด์นั้น ค่อนข้างที่จะสบาย ผ่อนคลาย และ ไม่เร่งรีบค่ะ เพราะ ไม่มีปัญหารถติด ส่วนการเดินทางก็ค่อนข้างสะดวกเพราะ มีทั้ง รถไฟ รถรางไฟฟ้า (แทรม) รถเมย์ปรับอากาศ แท็กซี่ และ Uber ส่วน คนที่ชอบ ออก กำลังกาย ก็สามารถขี่จักรยานได้ค่ะ เด็กที่นี่หลายคน ก็ขี่จักรยานไปโรงเรียนกันค่ะ คือ ถ้าเราไม่ซื้อรถ ก็อยู่ได้ ไม่ลำบากค่ะ รถเมย์ ที่นี่ มาตามตารางเวลาค่ะ และมีหลายสายมาก ซึ่งรถเมย์ รถรางไฟฟ้า และ รถไฟ จะมีสถานีที่เชื่อมต่อกันค่ะ สะดวกมากในการเดินทาง ดังนั้น การไปส่งลูกที่โรงเรียน นั้น ไม่ลำบากเลยค่ะ แต่ส่วนตัวที่ซื้อรถ เพราะ ลูกๆ มีกิจกรรม ค่อนข้างเยอะค่ะ ทั้งขี่ม้า ชกมวยไทย หลักสูตรช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางทะเล เและก็ชอบขับรถเที่ยวไปในที่ต่างๆด้วยค่ะ ส่วนอาหารและของใช้หาซื้อได้สะดวกมากค่ะ และมีหลากหลายให้เลือกซื้อ

2. การให้ข้อมูลกับผู้ปกครองในเรื่องของการเรียนลูก และคำแนะนำต่างๆที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องเรียนลูกจากโรงเรียน

ตอน ที่ มาเรียน ปีแรก ลูกสาว ทั้ง สองคน เรียนประถม อยู่ ที่ โรงเรียน Benowa State School ค่ะ ซึ่งตอนนั้น คนโตเรียน อยู่ ป.6 (Year 6) และ คนเล็กเรียนอยู่ ป.4 (Year 4) ทางโรงเรียนให้ความช่วยเหลือ และให้ข้อมูล ดีมากค่ะ ใส่ใจ และ ติดตาม ทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเรียน หรือ เรื่อง ความรู้สึก และ จิตใจ และ การปรับตัว ของเด็กๆ ทางโรงเรียนมีการแจ้งข้อมูลทั้งทาง SMS เข้าเบอร์มือถือ และ ทั้งทางอีเมลเลยค่ะ ส่วนคุณครูประจำชั้น ก็จะมี ช่องทางติด ต่อ โดยใช้แอปพลิเคชันของห้องเรียนนั้นๆด้วยต่างหากค่ะ สามารถติดต่อ และพูดคุยกับทางคุณครูได้สะดวกมากค่ะ ประทับใจมากค่ะ ส่วนตัวไปดูมาหลายโรงเรียนมากค่ะ ทั้งโรงเรียนเอกชน และ โรงเรียนรัฐบาล และ ก็เคยมีคำถามในใจ อยู่ว่า มันแตกต่างกันยังไง ทำไมบางคนที่นี่ให้ลูกเข้าโรงเรียนเอกชน และทำไมบางคนให้ลูกเข้า โรงเรียนรัฐบาล แต่ไปดูมาหลายโรงเรียน ก็ประทับใจในความเอาใจใส่เด็กนักเรียน และ การให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน ระหว่างบุคลากร ของโรงเรียนและนักเรียน คือ เค้าจะไม่ใช้ความเป็นผู้ใหญ่มาสั่งเด็กให้ทำ แต่ ให้การอธิบายด้วยเหตุผลและให้เกียรติเสมือนว่า เด็กนั้นเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เด็กก็จะรับรู้ว่า อะไรคือ หน้าที่ ที่เค้ารับผิดชอบอยู่ และ ต้องทำ โดยที่ไม่มีใครต้องเตือน หรือต้องไปจี้

ตอนนี้ลูกสาวทั้งสอง เรียน ม.3 (Year 9) และ ม.1 (Year 7) อยู่ที่ Benowa State High School ทางโรงเรียน ได้มีการจัดงานเพื่อให้ข้อมูล และ ความรู้เกี่ยวกับการเรียนการสอบ สายวิชาการเรียน และ โปรแกรมพิเศษ อื่นๆ อยู่บ่อยครั้งมากค่ะ เด็กและผู้ปกครองจะใช้แอปพลิเคชั่นในการดูตารางเรียนของตัวเอง และ ผู้ปกครองก็สามารถดูได้ด้วยนะคะว่าลูกได้เข้าเรียน ชั่วโมงนั้นๆหรือป่าว ทุกวันนี้เหมือนได้ไปเรียนกับลูกเลย ข้อมูลแน่นมากค่ะ ทั้งอีเมล ทั้ง SMS ทั้ง แอปพลิเคชั่น แม้กระทั่งไฟดับ ซ้อมดับเพลิง ปิดโซนซ่อมแซมโรงเรียน ทางโรงเรียนยังแจ้งเลยค่ะ อยากจะแนะนำกับท่านที่พาลูกมาเรียนที่ต่างประเทศนะคะ ว่าผู้ปกครองควรที่จะให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน และ ให้ความเข้าใจคุณลูกๆ มากหน่อยนะคะ เพราะ เมื่อเค้าเข้าไปเรียนเค้าจะต้อง มีการปรับตัวกับหลายๆอย่างไม่ใช่แค่เรื่องภาษาอย่างเดียว ยิ่งเด็กๆที่มาจากประเทศไทย ปัญหาหลักส่วนใหญ่เลยคือ ไม่กล้าถาม คือ ไม่เข้าใจก็ไม่กล้าถามค่ะ ผู้ปกครองต้องพยายามสนับสนุนให้เด็กๆกล้าถาม เมื่อไม่เข้าใจนะคะ เพราะ ถ้าไม่เข้าใจสะสม นานเข้าเด็กก็จะรั้งท้ายและเมื่อมันยากขึ้น เด็กจะเสียความมั่นใจและจะเป็นความเครียดมาแทน ผู้ปกครองเองอย่างน้อยควรทำความเข้าใจกับระบบของโรงเรียนและระบบการเรียนของลูกไว้จะได้ช่วยลูกจัดระบบ และ ปรับตัวได้ดีขึ้น และเค้าจะไม่รู้สึกเครียด

3. ทาง รร. มีกิจกรรมอะไร หรือมีช่องทางไหนที่สามารถให้ผุ้ปกครองติดต่อ รร ได้เมื่อมีคำถามหรือต้องการคำแนะนำ

ทางโรงเรียน มีกิจกรรมทั้งภายในโรงเรียน และ นอกโรงเรียนให้ได้เลือกเรียนและได้เลือกทำเยอะมากค่ะ และการติดต่อ สื่อสาร กับทางโรงเรียนไม่ยากเลยและมีหลายช่องทางมากค่ะ แม้กระทั่งช่วงปิดเทอม หรือช่วงเสาร์ และ อาทิตย์ สามารถติดต่อทางโรงเรียนได้ ทั้งทางโทรศัพท์ SMS อีเมล หรือแม้กระทั่ง ทางแอปพลิเคชันของทางโรงเรียนค่ะ มีอะไรสามารถสอบถาม และพูดคุยกันได้ค่ะ ส่วนทางโรงเรียน เวลาจะติดต่อผู้ปกครอง ก็จะมากันทั้ง SMS อีเมล และ ทางแอปพลิเคชัน เลยทีเดียวค่ะ คือ รับรองไม่พลาดแน่นอนค่ะ

4. ลูกสาวทั้งสอง ต้องเรียนพิเศษเสริมด้านวิชาการหรือไม่ คุณปัทมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

เรื่องการเรียนพิเศษ ส่วนตัวแล้ว ขึ้นอยู่กับลูกๆเลยค่ะ ถ้าเค้ารูสึกว่า วิชานี้หรือ หัวข้อนี้ เค้ามีปัญหาและการไปสอบถามครูนอกคลาสเรียนนั้นยังไม่พอ เค้าก็จะมาขอเรียนพิเศษค่ะ ซึ่ง ทาง โรงเรียนก็มีจัดหาให้ด้วยเช่นกันค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีน่ะค่ะเพราะจะทำให้เด็กไม่เครียดเพราะรู้ว่าสามารถขอ และได้รับความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา เพราะ ไม่ใช่ผู้ปกครองทุกคนจะสอนการบ้านลูกได้ เหตุเพราะเราจะมีความคาดหวังในตัวเค้าสูงมาก การสอนอาจกลายเป็นการทะเลาะกัน และ ลดความเชื่อมั่นในตัวของเด็กลงไปแทนโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ ที่ โกลด์โคส มีทั้ง เรียนพิเศษ ที่ในโรงเรียน (เรียนพิเศษแบบ เสียเงิน และ แบบฟรีที่โรงเรียนจัดมีไว้ 2วันต่ออาทิตย์) และมีโรงเรียนกวดวิชา หลายแห่งเลยค่ะ ผู้ปกครองบางท่านอาจจะเป็นห่วงเรื่องภาษาอังกฤษ ของลูกเวลามาเรียน ทางโรงเรียน เค้าก็มีจัดคลาสเรียนพิเศษให้ด้วยเหมือนกันค่ะ

5. ถ้าไม่มีด้านวิชาการ น้องทั้งสองสนใจกิจกรรมนอกหลักสูตรอะไรหรือไม่ และคุณปัทสนับสนุนน้องอย่างไร

ลูกสาว ทั้งสองคน ก็ชอบและมีกิจกรรมนอกหลักสูตรหลายอย่างค่ะ มีทั้ง ขี่ม้า (เด็กๆเรียน และแข่ง ขี่ม้า กับทางสโมสร Golden Horse Riding Club ที่ประเทศไทยอบู่ก่อนแลัวค่ะมา ออสเตรเลียก็มาเรียนต่อค่ะ เพื่อกลับไปแข่งที่ประเทศไทย ) มีชกมวยไทย ว่ายน้ำ และล่าสุดไปลองมาเลยค่ะ คือ SLSC NIPPERS เป็นหลักสูตร การเรียนรู้เกี่ยวกับ ทะเล และการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางทะเล เช่น การช่วยเหลือ ผู้จมน้ำ และ การประถมพยาบาลเบื่องต้น หลักสูตรนี้ มีสอนแค่ช่วงหน้าร้อนเท่านั้นน่ะค่ะ เด็กๆได้เรียนรู้เยอะมากเลยค่ะในหลักสูตรนี้ และที่สำคัญ ได้เรียนรู้ว่า ว่ายน้ำในทะเลนั้น ยากกว่า การว่าน้ำในสระว่าน้ำ เยอะเลยค่ะ

6. สำหรับผู้ถือวีซ่าการ์เดี้ยน นอกจากไปรับ-ส่งลูกและดูแลลูกแล้ว คุณแม่มีอะไรอยากแชร์สำหรับกิจกรรมประจำวันให้กับผู้ปกครองที่วางแผนจะมาอยู่กับลูกๆมั้ยคะ

จริงๆ แล้วก็มีอะไรให้เรียนรู้เยอะนะคะสำหรับผู้ปกครองที่จะมาอยู่ดูแลลูก ไม่ใช่แค่ลูกที่มาเรียนนะคะ นอกจากเรื่องอาหารการกิน เรื่อง ที่เที่ยวแล้ว เรื่องหลักๆเลยคือ เรื่อง การหาหมอค่ะ จะต้องทำความเข้าใจกัน นิดหนึ่งว่าการไปหาหมอที่นี่ทุกครั้ง คือต้องทำการนัดหมายไว้ก่อนนะคะ ไม่สามารถเข้าไปรอได้เลยเหมือนที่ประเทศไทย ยกเว้นฉุกเฉิน จะมี คลีนิกบางแห่งเท่านั้นที่เปิดให้เข้าโดยไม่ต้องทำการนัดหมาย แต่ก็ไม่ได้เปิด ตลอด 24 ชั่วโมง เราควรหาและทำความรู้จักไว้นะคะว่ามีที่ไหนบ้างที่สามารถเข้าไปได้โดยที่ไม่ได้นัด และ ที่ไหนเปิดเวลากลางคืน และ วันเสาร์ วันอาทิตย์ อีกอย่าง ที่นี่ ก็มีคุณหมอที่เป็นคนไทยด้วยนะคะสำหรับบางท่านที่เป็นห่วงเรื่องการสื่อสาร

สำหรับกิจกรรม อื่นๆ ก็มีมากมาย ไม่เบื่อค่ะ เพราะ เรามีหน้าที่ต้องไป ค้นหา และทำความรู้จัก ว่า จะ พาลูกไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ที่โกลด์โคสมีความปลอดภัยมากค่ะ ทุกที่ที่ไป จะมีที่เที่ยวที่เล่นทั้งสำหรับเด็กเล็กและเด็กโตค่ะ และ ถ้า บ้านไหน ชอบเที่ยวแบบพจญภัยหละก็ ตอบโจทย์ได้เยอะเลยค่ะ ส่วนเวลาพาลูกไปโรงเรียน เราก็อาจจะไปพบเจอกับ ผู้ปกครอง ที่เป็นคนไทย ได้บ่อยครั้งเช่นกันน่ะค่ะ ที่นี่ก็มีอะไรใหม่ๆหลายอย่างให้เราได้เรียนรู้และปรับตัว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากค่ะ

7. การช่วยเหลือจาก IDP

ที่ลืมไม่ได้เลยค่ะ คือ ความช่วยเหลือทางด้านข้อมูล การสมัครเรียน และการดำเนินการทางด้านวีซ่า ต้องขอขอบคุณทางด้าน IDP คุณ Bird และ ทีมงานของ IDP ด้วยนะคะ บางท่านอาจจะคิดว่า แค่สมัครเรียน และดำเนินเรื่องวีซ่าก็จบ แต่จริงๆแล้ว ทุกวันนี้ คุณ Bird จาก IDP ก็ยังคงช่วยเหลืออยู่ตลอดนะคะไม่ว่า จะเป็นการเตือนเรื่องค่าเทอม เรื่องน้องขอไปสอบต่างโรงเรียน แจ้งเรื่องพาสปอตเล่มไหม หรือแม้กระทั่งการต่อวีซ่า ไม่เคยทิ้งกันจริงๆค่ะสงสัยคงจะต้องดูแลกันไปจนน้องเรียนจบนะคะ

EQI ก็เป็นอีกหน่วยงานที่ต้องขอบคุณเป็นอย่างมากเช่นกันค่ะ ขอบคุณทางคุณอุ๋ม จาก EQI ด้วย ที่ทั้งช่วยเหลือ แนะนำ และ อำนวยความสะดวกต่างๆให้ ถึงแม้จะเป็นนอกเวลาทำงานก็ยังอำนวยความสะดวกให้ตลอดเลยค่ะ

เรียนต่อระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ที่ประเทศออสเตรเลีย คุณภาพมาตรฐานการสอนระดับโลก พร้อมอาศัยและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยตลอดจนจบการศึกษาได้กับ โรงเรียนรัฐบาล รัฐควีนสแลนด์

Paragraph Image

ทำไมต้องดำเนินการเรียนต่อออสเตรเลียกับ IDP 

✔ IDP มี 5 สาขาใหญ่ในเมืองหลักประจำประเทศออสเตรเลีย 

✔ IDP เป็นตัวแทนทุกมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึงตัวแทนสถาบันภาษามากมาย 

✔ IDP แนะแนวคอร์สเรียนตั้งแต่ระดับ คอร์สภาษา วิชาชีพ ตลอดจนมหาวิทยาลัย และข้อมูลทุนการศึกษาต่างๆ 

✔ IDP ช่วยยื่นใบสมัคร ติดตามผล ยื่นวีซ่า จัดหาที่พัก ดำเนินการให้ฟรี 

✔ IDP เป็นเจ้าของร่วมข้อสอบ IELTS อย่างเป็นทางการ และเป็นศูนย์สอบ IELTS ในประเทศไทย 

✔ IDP ส่งนักเรียนไปศึกษาต่อกว่า 500,000 คน ทั่วโลกและเปิดให้บริการมากกว่า 50 ปี มีมากกว่า 190 สาขา ใน 35 ประเทศทั่วโลก