สหรัฐอเมริกา (USA) ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดฮิตสำหรับนักเรียนไทยที่มองหา “การศึกษาและประสบการณ์ระดับโลก” ทั้งด้านคุณภาพมหาวิทยาลัยและความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ละปีมีนักเรียนต่างชาติมากกว่า 200,000 คนเลือกมาเรียนต่ออเมริกา เพราะชื่อเสียงด้านการศึกษา เมืองใหญ่ที่มีชีวิตชีวา และโอกาสต่อยอดในอนาคต
เพื่อให้การไปเรียนต่ออเมริกาเป็นประสบการณ์ที่ราบรื่นและไม่เครียดเรื่องการเงิน การวางแผนเรื่อง ค่าครองชีพอเมริกา (cost of living in USA) ตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องสำคัญมาก การเข้าใจตัวเลขคร่าว ๆ ของค่าใช้จ่ายนักเรียนในแต่ละเดือนและแต่ละปีจะช่วยให้น้อง ๆ เตรียมงบประมาณได้อย่างมั่นใจ
จากค่าใช้จ่ายหลักทั่วไป แนะนำให้นักเรียนต่างชาติวางแผนงบค่าครองชีพ usa ไว้ประมาณUSD $18,048 – $22,200 ต่อปี สำหรับช่วงที่เรียนอยู่ในสหรัฐฯ (ไม่รวมค่าเทอม)
เมื่อลองแยกดู ค่าครองชีพ usa ของนักเรียนต่างชาติ ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่ต้องเจอในแต่ละเดือน ได้แก่
ค่าเช่าที่พัก
ค่าอาหารและของใช้ประจำวัน
ค่าเดินทาง
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ เช่น โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ของใช้และกิจกรรมสังคม
โดยทั่วไป ค่าครองชีพอเมริกาต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ USD $1,504 – $1,850
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้เป็นค่าเฉลี่ยเท่านั้น ค่าครองชีพอเมริกาจริง ๆ ของแต่ละคนอาจสูงหรือต่ำกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
ทำเลที่ตั้งมหาวิทยาลัย เมืองใหญ่
เช่น New York, San Francisco หรือ Los Angeles มักมีค่าครองชีพสูงกว่าเมืองเล็กหรือเมืองมหาวิทยาลัย ที่ค่าเช่าและค่าของกินของใช้ถูกลงได้มาก
ประเภทที่พัก
เลือกอยู่หอใน (on-campus) หอเอกชน อพาร์ตเมนต์แชร์กับเพื่อน หรือโฮมสเตย์ ก็จะส่งผลต่อค่าที่พักและค่าใช้จ่ายรวมอย่างชัดเจน
ไลฟ์สไตล์และนิสัยการใช้เงิน
การกินข้าวนอกบ้านบ่อย ความถี่ในการท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง หรือทำกิจกรรมสังคม ล้วนมีผลโดยตรงต่อค่าครองชีพ usa รายเดือนของคุณ
สำหรับนักเรียนไทยที่กำลังตัดสินใจเรียนต่ออเมริกา การมองเปรียบเทียบระหว่าง ค่าครองชีพอเมริกา กับค่าใช้จ่ายที่คุ้นเคยในไทยจะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น
โดยรวมแล้ว:
ค่าเช่าห้องในเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ
ค่าอาหารนอกบ้าน
ราคาสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน
มักจะ สูงกว่าในประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะถ้าเลือกเรียนในเมืองใหญ่และย่านกลางเมือง แต่เช่นเดียวกับในไทย ที่ค่าครองชีพต่างกันตามทำเลและรูปแบบการใช้ชีวิต สหรัฐฯ ก็มีช่วงของราคาให้เลือกเช่นกัน
ถ้าเลือกเรียนในเมืองมหาวิทยาลัย (college towns) หรือเมืองขนาดกลางที่อยู่นอกเมืองใหญ่ ค่าครองชีพ usa จะลดลงได้ค่อนข้างมาก ทั้งค่าเช่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าอาหาร ซึ่งเหมาะกับนักเรียนที่ต้องการเรียนต่ออเมริกาในงบประมาณที่จับต้องได้มากขึ้น
ดังนั้น เวลาวางแผนด้านการเงิน ควรศึกษา ค่าใช้จ่ายนักเรียนในเมืองที่กำลังจะไปเรียน โดยเฉพาะ เพื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณคุ้นเคยในไทยให้ใกล้เคียงที่สุด
ค่าเช่าที่พักมักเป็นค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดใน ค่าครองชีพอเมริกา สำหรับนักเรียนต่างชาติ โดยตัวเลือกที่พักหลัก ๆ มีดังนี้
หลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ มีหอพักในแคมปัส (dormitories / residence halls) สำหรับนักศึกษา การเลือกอยู่หอในมีข้อดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนไทยที่เพิ่งไปครั้งแรก เช่น
อยู่ใกล้ห้องเรียน ห้องสมุด และศูนย์บริการนักศึกษา
ประหยัดเวลาและค่าเดินทางไปกลับ
มีโอกาสเจอเพื่อนใหม่ ๆ ทั้งชาวอเมริกันและต่างชาติ
บรรยากาศเอื้อต่อการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตมหาวิทยาลัย
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับหอพักในมหาวิทยาลัยโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ USD $3,600 – $8,000 ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย ประเภทห้อง (ห้องเดี่ยว ห้องคู่ หรือห้องชุด) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่รวมอยู่ในค่าเช่า เช่น อาหารหรือไม่ รวมค่าน้ำไฟหรือไม่ เป็นต้น
สำหรับนักเรียนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและอิสระมากขึ้น การอยู่หอนอกหรืออพาร์ตเมนต์เช่าก็เป็นตัวเลือกยอดนิยม โดยแบ่งได้หลัก ๆ เป็น:
Shared apartments (อพาร์ตเมนต์แชร์กับรูมเมต)
เป็นตัวเลือกที่ช่วยประหยัดค่าครองชีพ usa ได้มาก เพราะหารค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคกันหลายคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีสำหรับ 1 คนในห้องแชร์จะอยู่ประมาณ USD $6,000 – $12,000 ต่อปี
Private apartments (อพาร์ตเมนต์ส่วนตัว)
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวและความเป็นอิสระสูงกว่า แต่ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ USD $12,000 – $24,000 ต่อปีหรือมากกว่า แล้วแต่ขนาดห้องและทำเล (เมืองใหญ่มักจะแพงกว่ามาก)
โฮมสเตย์เป็นตัวเลือกที่ช่วยให้นักเรียนไทยได้สัมผัสวัฒนธรรมอเมริกันอย่างใกล้ชิด และมักจะให้บรรยากาศเหมือนอยู่กับครอบครัว เหมาะสำหรับนักเรียนที่เพิ่งไปใช้ชีวิตต่างประเทศครั้งแรก
ค่าใช้จ่ายโฮมสเตย์เฉลี่ยสำหรับนักเรียนต่างชาติอยู่ที่ประมาณ USD $6,000 – $10,000 ต่อปี โดยมักจะรวมอาหารบางมื้อหรือหลายมื้อไว้แล้ว ซึ่งช่วยประหยัดค่าอาหารในภาพรวมของค่าครองชีพอเมริกาได้พอสมควร
หมวดค่าอาหารและของใช้เข้าบ้านก็เป็นส่วนสำคัญของค่าครองชีพ usa เช่นกัน โดยเฉลี่ยค่าอาหารและของชำในแต่ละเดือนจะอยู่ที่ประมาณ USD $527 ต่อเดือน
ตัวเลขนี้อาจมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับว่า:
คุณทำอาหารกินเองบ่อยแค่ไหน
ซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตราคาประหยัดหรือเลือกของพรีเมียม
กินข้าวนอกบ้านบ่อยหรือไม่
การทานอาหารนอกบ้าน แน่นอนว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำอาหารทานเองที่บ้าน หากต้องการประหยัด แนะนำให้เน้นทำอาหารเอง และเลือกซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านเอเชียที่ราคาไม่แรงมาก จะช่วยลดค่าครองชีพอเมริกาในหมวดอาหารได้เยอะ
สหรัฐฯ เป็นประเทศใหญ่ มีวิธีเดินทางหลากหลาย ทั้งรถไฟใต้ดิน รถเมล์ รถราง รถไฟระหว่างเมือง และรถส่วนตัว สำหรับนักเรียนต่างชาติ ระบบขนส่งสาธารณะ (public transportation) มักจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและประหยัดที่สุดในเมืองที่เครือข่ายขนส่งดี
โดยเฉลี่ย นักเรียนอาจใช้เงินประมาณ USD $40 – $100 ต่อเดือน สำหรับค่าโดยสารสาธารณะ ขึ้นอยู่กับเมืองและประเภทบัตรที่ใช้ หลายเมืองมี ส่วนลดนักเรียน สำหรับบัตรโดยสารรายเดือน ซึ่งช่วยลดค่าครองชีพ usa ส่วนของค่าเดินทางได้มาก
สำหรับเมืองที่เป็นมิตรกับการปั่นจักรยาน การใช้จักรยานก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ:
ค่าเช่าจักรยานรายเดือนมักอยู่ที่ประมาณ USD $20 – $50
การซื้อจักรยานเป็นของตัวเองอาจคุ้มกว่าในระยะยาว แต่ต้องคิดรวมค่าซ่อมแซมและดูแลรักษาด้วย
เมื่อน้อง ๆ เลือกอยู่หอนอกหรืออพาร์ตเมนต์ส่วนตัว คุณจะต้องกันงบสำหรับค่าสาธารณูปโภค (utilities) ไว้ด้วย ได้แก่
ค่าไฟฟ้า
ค่าน้ำ
ค่าแก๊สหรือระบบทำความร้อน (heating)
โดยเฉลี่ยค่า utilities ต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ USD $180
นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตอีกด้วย:
แพ็กเกจโทรศัพท์ (Mobile plan) อยู่ที่ประมาณ USD $15 – $50 ต่อเดือน แล้วแต่ผู้ให้บริการและปริมาณดาต้า
อินเทอร์เน็ตบ้าน (Broadband) อยู่ที่ประมาณ USD $50 – $100 ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับความเร็วอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการ
การคำนวณค่าใช้จ่ายกลุ่มนี้รวมเข้าไปในแผนค่าครองชีพอเมริกา จะช่วยให้เห็นภาพงบประมาณรายเดือนชัดขึ้น และไม่เผลอใช้เกินจนกระทบค่าใช้จ่ายหลักอื่น ๆ
สหรัฐอเมริกามีระบบค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง หากไม่มีประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาอาจสูงมากจนกระทบการเรียนได้ ดังนั้น ประกันสุขภาพ จึงเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและมักเป็นข้อบังคับในการเรียนต่ออเมริกา
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับนักเรียนต่างชาติจะอยู่ประมาณ USD $1,500 – $2,500 ต่อปี ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและแผนประกันที่มหาวิทยาลัยเสนอให้
เมื่อวางแผนค่าครองชีพ usa สำหรับการไปเรียนต่อ อย่าลืมรวมเบี้ยประกันสุขภาพไว้ในงบรายปีเสมอ
ค่าครองชีพอเมริกาไม่ได้มีแค่ค่าอยู่กินเท่านั้น นักเรียนไทยส่วนใหญ่มักอยากสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ เช่น เที่ยวเมือง ดูหนัง เข้าคอนเสิร์ต ทานอาหารกับเพื่อน หรือออกทริปสั้น ๆ ในวันหยุด
โดยเฉลี่ยน้อง ๆอาจกันงบสำหรับความบันเทิงไว้ประมาณ USD $48 ต่อเดือน แต่ในความเป็นจริง ตัวเลขนี้อาจสูงกว่าได้มากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
นอกจากนี้ ยังควรเผื่องบสำหรับ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น
ของใช้ในหอ/อพาร์ตเมนต์
ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนตัว
เสื้อผ้า
ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนรวมอยู่ในภาพรวมของค่าครองชีพ usa ที่ควรวางแผนให้ดี
การวางแผนไปเรียนต่ออเมริกา นอกจากดู ค่าครองชีพอเมริกา แล้ว ค่าเทอมก็เป็นอีกส่วนใหญ่ที่ต้องคำนวณรวมในงบประมาณด้วย ตัวเลขต่อไปนี้เป็นค่าเฉลี่ยโดยคร่าว ซึ่งอาจต่างกันตามมหาวิทยาลัย เมือง และสาขาที่เลือกเรียน
ระดับปริญญาตรี (Undergraduate Programmes)
ช่วงค่าเทอมโดยทั่วไปสำหรับปริญญาตรีจะอยู่ที่ประมาณ USD $20,000 – $50,000 ต่อปี แล้วแต่สาขาวิชา เช่น
Arts and Humanities: ประมาณ USD $20,000 – $30,000 ต่อปี
Business and Management: ประมาณ USD $25,000 – $40,000 ต่อปี
Engineering and Technology: ประมาณ USD $30,000 – $50,000 ต่อปี
Health Sciences and Medicine: ประมาณ USD $35,000 – $60,000 ต่อปี
ระดับบัณฑิตศึกษา (Postgraduate Programmes)
ค่าเทอมระดับบัณฑิตศึกษาจะแตกต่างหลากหลายเช่นกัน โดยเฉลี่ยประมาณ:
Master’s Degrees: USD $20,000 – $40,000 ต่อปี
Doctoral Programmes (PhD): มักต่ำกว่า หลายที่อยู่ที่ USD $5,000 – $10,000 ต่อปี โดยเฉพาะกรณีที่มีทุนวิจัยหรือการสนับสนุนจากภาควิชา
MBA Programmes: มักมีค่าเทอมสูงกว่า อยู่ที่ประมาณ USD $40,000 – $70,000 ต่อปี
นอกจากค่าเทอมตรง ๆ แล้ว ยังควรเผื่องบสำหรับ Student Service Fees และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งมักอยู่ที่ราว USD $200 – $1,000 ต่อปี เพื่อใช้ในการดูแลบริการนักศึกษา สถานกีฬา กิจกรรมชมรม และบริการต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย
สำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการช่วยแบ่งเบา ค่าครองชีพอเมริกา การทำงานพาร์ทไทม์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
นักเรียนที่ถือวีซ่า F-1 หรือ M-1 โดยทั่วไปสามารถทำงานได้ สูงสุด 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอม และ ทำงานเต็มเวลาได้ในช่วงปิดเทอมอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัย
งานเริ่มต้นทั่วไปมักมีค่าแรงเฉลี่ยประมาณ USD $15 – $22 ต่อชั่วโมง ซึ่งช่วยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าหนังสือ หรือส่วนหนึ่งของค่าที่พักได้ดี
โอกาสทำงานส่วนใหญ่ เช่น
งานในมหาวิทยาลัย (On-campus)
เช่น ห้องสมุด แล็บวิจัย โรงอาหาร ศูนย์นักศึกษา หรือฝ่ายเอกสาร ซึ่งมักจัดตารางงานให้สอดคล้องกับตารางเรียน
งานนอกมหาวิทยาลัย (Off-campus roles)
เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ งานบริการลูกค้า หรือเป็นผู้ช่วยสอน/ติวเตอร์ในรายวิชาที่ตนถนัด
Co-op และ Internship
ในบางสาขา นักเรียนอาจได้เข้าร่วมโปรแกรมสหกิจศึกษา (Co-op) หรือฝึกงาน (Internship) ที่ทั้งได้ค่าตอบแทนและประสบการณ์ทำงานจริง ซึ่งช่วยเพิ่มโปรไฟล์และโอกาสการทำงานหลังเรียนจบ
สิ่งสำคัญคือ นักเรียนต่างชาติต้องปฏิบัติตามกฎของวีซ่าอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องจำนวนชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับสถานะวีซ่านักเรียนของคุณในสหรัฐฯ
การเข้าใจ ค่าครองชีพ usa ในมิติต่าง ๆ ตั้งแต่ค่าเทอม ค่าเช่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ไปจนถึงโอกาสทำงานพาร์ทไทม์ เป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมตัวเรียนต่อสหรัฐอเมริกาอย่างมั่นใจ
เมื่อน้อง ๆมีภาพรวมค่าใช้จ่ายชัดเจน ก็จะสามารถวางแผนงบประมาณ หาแหล่งทุน หรือปรับแผนการใช้ชีวิตให้เหมาะกับเป้าหมายของตัวเองได้ง่ายขึ้น และสามารถโฟกัสกับการเรียนและประสบการณ์ชีวิตในอเมริกาได้เต็มที่
ที่ IDP เราเข้าใจดีว่าการตัดสินใจไปเรียนต่ออเมริกาไม่ใช่เรื่องเล็ก ทีมที่ปรึกษาของเราพร้อมช่วยคุณ
วางแผนงบประมาณเรียนต่ออเมริกา
เลือกมหาวิทยาลัยและเมืองที่เหมาะกับด้านการเงินและเป้าหมายการเรียนของคุณ
แนะนำขั้นตอนสมัครเรียนและเอกสารต่าง ๆ
ติดต่อ IDP วันนี้เพื่อเริ่มต้นวางแผนเรียนต่อสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นระบบ และก้าวแรกสู่ “เส้นทางการศึกษาในอเมริกา” ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านงบประมาณและเป้าหมายอนาคตของคุณ