เรียนต่ออเมริกาสำหรับนักเรียนไทย

สำรวจโอกาสทางวิชาการที่หลากหลายและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับอุดมศึกษาของโลกและการเติบโตส่วนบุคคล
วิวเส้นขอบฟ้าเมืองยามพระอาทิตย์ตกจากสะพานบรูกลิน โดยมีสายเคเบิลของสะพานอยู่ด้านหน้า และอาคารต่าง ๆ ปรากฏเป็นเงาดำตัดกับท้องฟ้าหลากสีที่มีเมฆประดับอยู่

ทำไมต้องเรียนต่ออเมริกา ดินแดนแห่งโอกาส

สหรัฐอเมริกา (USA) ถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆของโลกสำหรับนักเรียนที่มองหาการศึกษาคุณภาพสูงและประสบการณ์ชีวิตในสังคมที่หลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งในโลกที่นี่คือที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายซึ่งโดดเด่นทั้งด้านคุณภาพการสอนความหลากหลายของสาขาวิชาและผลงานวิจัยระดับแนวหน้าของโลก

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากที่สุดในโลกมหาวิทยาลัยอเมริกันส่วนใหญ่เปิดรับนักศึกษาจากนานาชาติด้วยความยินดีทำให้บรรยากาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยเพื่อนจากหลากหลายประเทศหลากหลายวัฒนธรรม เป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองและสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ

ความนิยมของการเรียนต่ออเมริกามาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสถาบันอุดมศึกษาคุณภาพสูงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านวิจัยที่ทันสมัยโอกาสด้านนวัตกรรมและสตาร์ทอัปรวมถึงเมืองใหญ่ระดับโลกอย่างนิวยอร์กบอสตัน ลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก และอีกหลายเมืองที่เต็มไปด้วยโอกาสทั้งด้านการเรียนและการทำงาน

ด้วยมหาวิทยาลัยชั้นนำเมืองไอคอนิก ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และโอกาสมากมาย การเรียนต่ออเมริกาจึงเป็นเส้นทางที่ช่วยให้นักเรียนไทยได้เติบโตทั้งในด้านวิชาการและทักษะชีวิตอย่างรอบด้าน

ระบบการศึกษาอเมริกัน

ระบบการศึกษาในสหรัฐอเมริกาเป็นที่ยอมรับทั่วโลกทั้งด้านมาตรฐานการเรียนการสอนและนวัตกรรมทางวิชาการมหาวิทยาลัยวิจัยขนาดใหญ่ในอเมริกามักเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ทำงานใกล้ชิดกับอาจารย์ในห้องแล็บหรือโปรเจกต์วิจัยนำสิ่งที่เรียนในห้องเรียนมาปรับใช้กับสถานการณ์จริงไม่ใช่แค่ทฤษฎีอย่างเดียว

การเรียนต่ออเมริกาในระดับมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก จะเปิดโอกาสให้คุณได้เลือกเรียนในสาขาที่หลากหลายมากทั้งวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม ธุรกิจ มนุษยศาสตร์ ศิลปะ สังคมศาสตร์ และสายเฉพาะทางอื่นๆ คุณสามารถออกแบบแผนการเรียนให้ตรงกับความสนใจและเป้าหมายอาชีพของตัวเองได้อย่างยืดหยุ่น

สถาบันอุดมศึกษาในอเมริกาให้ความสำคัญอย่างมากกับ“ความหลากหลาย” ห้องเรียนหนึ่งห้องจึงมักประกอบด้วยนักศึกษาต่างช่วงวัยเชื้อชาติ ศาสนา และสัญชาติ ทำให้บรรยากาศการเรียนเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ที่แตกต่าง

รูปแบบการเรียนการสอนในอเมริกาจะเป็นแบบโต้ตอบ (interactive) เน้นให้ตั้งคำถามแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ และนำเสนอหน้าชั้นเรียน ซึ่งช่วยเสริมความมั่นใจและทักษะการสื่อสารต่อหน้าคนหมู่มากได้อย่างดี

เพราะระบบการศึกษาอเมริกันเน้นการเรียนแบบลงมือทำการคิดอย่างสร้างสรรค์และการถกเถียงเชิงเหตุผลทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นปลายทางยอดนิยมของนักเรียนต่างชาติที่ต้องการศึกษาและพัฒนาตัวเองในบรรยากาศที่ท้าทายและสนับสนุนไปพร้อมกัน

มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา

สำหรับใครที่ตั้งใจจะเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรี ต่อปริญญาโท หรือเรียนหลักสูตร Pathway / Foundation การดูอันดับมหาวิทยาลัย (Ranking) เป็นหนึ่งในวิธีช่วยประเมินเบื้องต้นว่าสถาบันนั้นเหมาะกับเป้าหมายของคุณหรือไม่

มหาวิทยาลัยในอเมริกาติดอันดับสูงในแทบทุกระบบการจัดอันดับไม่ว่าจะเป็น Quacquarelli Symonds (QS) World University Rankings หรือ Times Higher Education (THE) World University Rankings

  • มหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ 20 แห่ง ติดอันดับ Top 70 ของ QS และมี 4 แห่งอยู่ใน Top 10

  • ใน THE Rankings มหาวิทยาลัยสหรัฐฯ 20 แห่งติด Top 40 และ 7 แห่งอยู่ใน Top 10

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ามาตรฐานมหาวิทยาลัยอเมริกันได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทำให้ USA เป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆที่นักเรียนทั่วโลกเลือกเรียนต่อต่างประเทศ

นักเรียนไทยที่สนใจเรียนต่ออเมริกาสามารถสำรวจรายชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำและโปรแกรมที่เหมาะกับตนเองเพื่อเลือกเส้นทางการเรียนที่ตรงกับทั้งความฝันและโอกาสในอนาคต

รอบรับสมัครเรียนต่ออเมริกา (USA Upcoming Intakes)

การเรียนต่ออเมริกาเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติเลือกเข้าเรียนได้หลายช่วงต่อปี (Intakes หรือ Terms) ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและหลักสูตรหากคุณตั้งใจจะเรียนต่ออเมริกาการเข้าใจช่วง Intake แต่ละแบบจะช่วยให้คุณวางแผนยื่นสมัครได้ตรงเวลา

รอบ Fall: สิงหาคม– ธันวาคม

รอบ Fall คือรอบหลักและได้รับความนิยมสูงที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติในอเมริกาหลักสูตรส่วนใหญ่จะเปิดสอนในรอบนี้ทำให้มีตัวเลือกคอร์สและมหาวิทยาลัยให้เลือกมากที่สุด

กำหนดยื่นใบสมัครรอบนี้มักอยู่ระหว่างเดือนธันวาคมของปีก่อนหน้าไปจนถึงกุมภาพันธ์บางมหาวิทยาลัยมีรอบ Early Action หรือ Early Decision ที่ต้องยื่นตั้งแต่ตุลาคม–พฤศจิกายนของปีก่อนการเริ่มต้นในรอบ Fall ทำให้คุณได้สัมผัสชีวิตมหาวิทยาลัยแบบเต็มรูปแบบมีงาน Orientation กิจกรรมชมรม งานอาสา และโอกาสฝึกงานที่สอดรับกับปฏิทินการศึกษา

รอบ Spring: มกราคม– พฤษภาคม

รอบ Spring เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่พลาดรอบ Fall หรืออยากเริ่มเรียนช่วงต้นปีปฏิทินกำหนดยื่นใบสมัครมักอยู่ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมของปีก่อนหน้า

รอบนี้จะมีจำนวนโปรแกรมให้เลือกน้อยกว่ารอบ Fall และบรรยากาศในแคมปัสอาจไม่คึกคักเท่าแต่ข้อดีก็คือการแข่งขันอาจไม่สูงเท่าทำให้นักเรียนต่างชาติมีโอกาสในการได้ที่เรียนเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตาม โอกาสฝึกงานหรือ Co-op บางประเภทอาจมีให้เลือกน้อยลงสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนในรอบ Spring

รอบ Summer: พฤษภาคม– สิงหาคม

รอบ Summer มักใช้สำหรับคอร์สระยะสั้นหลักสูตรเฉพาะทางบางโปรแกรมหรือคอร์สภาษาอังกฤษ Application Deadline ของรอบนี้มักอยู่ในช่วงมกราคมถึงมีนาคมตัวเลือกโปรแกรมจะไม่มากนักและบรรยากาศในมหาวิทยาลัยอาจเงียบกว่าเพราะเป็นช่วงปิดเทอมของนักศึกษาส่วนหนึ่ง

รอบ Summer จึงเหมาะกับผู้ที่มองหาการเรียนแบบระยะสั้นหรือโปรแกรมเฉพาะทางที่ไม่ได้เปิดในรอบ Fall หรือ Spring นักเรียนไทยควรพิจารณารอบนี้เมื่อมั่นใจว่าหลักสูตรที่ต้องการเปิดในช่วงดังกล่าวและสอดคล้องกับแผนการเรียนและเป้าหมายอาชีพ

โดยทั่วไปนักเรียนไทยจะเลือก Intake จากหลายปัจจัยเช่น สาขาที่อยากเรียน ความพร้อมของโปรแกรมในมหาวิทยาลัยเป้าหมายและประวัติการเรียนของตัวเองดังนั้นไม่ควรใช้ “รอบรับสมัคร” เป็นปัจจัยเดียวในการตัดสินใจหากไม่แน่ใจว่าควรเข้ารอบไหนที่ปรึกษาด้านการศึกษาของ IDP สามารถช่วยแนะนำทีละขั้นตอนและเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดให้คุณได้

คุณสมบัติและเกณฑ์สมัครมหาวิทยาลัยอเมริกาสำหรับนักเรียนไทย

นักเรียนไทยที่ต้องการเรียนต่ออเมริกาต้องมีคุณสมบัติด้านวิชาการและภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัยและระดับการศึกษา

สำหรับระดับปริญญาตรี (เรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรี) โดยทั่วไปจะต้อง:

  • จบ ม.6 ด้วยผลการเรียนดี หรือ

  • มีวุฒิต่างประเทศ เช่น A Levels, IB Diploma

มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจกำหนดให้มีวุฒิหรือหลักสูตรเตรียมความพร้อมเพิ่มเติมหากหลักสูตร ม.ปลายของคุณไม่ตรงตามเกณฑ์รับตรง นอกจากนี้ ยังมีบางสถาบันที่ต้องการคะแนนSAT หรือ ACT แม้ปัจจุบันหลายแห่งจะเริ่มปรับเป็น Test-optional แล้วก็ตาม

สำหรับระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโท/เอก) มักจะต้องมี:

  • วุฒิปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรอง

  • ผลการเรียนอยู่ในระดับที่โปรแกรมกำหนด

บางหลักสูตรโดยเฉพาะสายธุรกิจหรือสายวิจัย (เช่น MBA, Finance, Economics, Engineering บางสาขา) อาจต้องการคะแนน GMAT หรือ GREเพิ่มเติม

ในส่วนของภาษาอังกฤษนักเรียนต่างชาติจำเป็นต้องแสดงผลสอบเช่น IELTS โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยอเมริกันจะรับคะแนน IELTS ในช่วงประมาณ 6.0–7.0 ขึ้นอยู่กับสาขาและระดับการศึกษา

ขั้นตอนการสมัครเรียนของนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกา

เมื่อคุณค้นคว้าและคัดเลือกมหาวิทยาลัย/หลักสูตรที่สนใจแล้ว โดยอิงจากเป้าหมายการเรียนงบประมาณ และคุณสมบัติของตัวเอง ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นใบสมัครซึ่งสามารถทำได้หลายช่องทางเช่น

  • ผ่านระบบ Common Application

  • ผ่านระบบ Coalition Application

  • ผ่านระบบสมัครออนไลน์ของมหาวิทยาลัยเอง

  • หรือสมัครผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการเช่น IDP

เอกสารที่มักต้องใช้ประกอบการยื่นสมัครได้แก่:

  • ใบทรานสคริปต์ผลการเรียน

  • คะแนนสอบมาตรฐาน (เช่น SAT, ACT, GMAT, GRE หากจำเป็น)

  • ผลสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS

  • จดหมายรับรอง (Recommendation Letters)

  • Personal Statement หรือ Essay

  • หลักฐานการเงิน (Proof of Financial Support)

สำหรับหลักสูตรที่แข่งขันสูงเช่น ศิลปะ สถาปัตย์ ดีไซน์ หรือบางโปรแกรมระดับท็อป อาจต้องมี Portfolio, สัมภาษณ์ หรือ Essay เสริมพิเศษ

เมื่อมหาวิทยาลัยตอบรับคุณจะได้รับ Letter of Acceptance และเอกสารสำคัญอย่างI-20 ซึ่งใช้ยื่นขอวีซ่านักเรียน F-1 หลังจากวีซ่าผ่านแล้วคุณก็สามารถเริ่มเตรียมเรื่องที่พักซื้อตั๋วเครื่องบิน และเข้าร่วมกิจกรรม Pre-departure ที่จัดโดย IDP เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปเรียนต่ออเมริกา

ขั้นตอนและเงื่อนไขวีซ่านักเรียนอเมริกาสำหรับนักเรียนไทย

นักเรียนไทยที่วางแผนเรียนต่ออเมริกาจำเป็นต้องมีวีซ่านักเรียน อเมริกา ที่ถูกต้องก่อนเดินทาง วีซ่านักเรียนประเภทที่ใช้มากที่สุดคือF-1 Visa สำหรับผู้ที่เรียนหลักสูตรเชิงวิชาการในมหาวิทยาลัยวิทยาลัย หรือสถาบันภาษา

เพื่อให้มีคุณสมบัติขอวีซ่า F-1 คุณต้อง:

  • ได้รับการตอบรับเข้าเรียนในหลักสูตรที่นำไปสู่ปริญญาใบรับรอง หรือ Diploma

  • สถาบันที่เลือกต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯให้รับนักศึกษาต่างชาติ

  • มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ

วีซ่า F-1 ยังอนุญาตให้ทำงานพาร์ทไทม์ได้ในบางเงื่อนไขเช่น งานภายในมหาวิทยาลัย (On-campus) หรือทำ OPT/CPT ภายใต้กฎที่กำหนด

นอกจากนี้ยังมีวีซ่านักเรียนประเภทอื่นเช่น J Visa (สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยน) และ M Visa (สำหรับสายอาชีวะหรือ Vocational) ซึ่งต้องเลือกให้ตรงกับลักษณะการเรียนของคุณ

ขั้นตอนการขอวีซ่านักเรียนสหรัฐฯมีหลายขั้นตอน เช่น ชำระค่า SEVIS, กรอกแบบฟอร์ม DS-160, นัดสัมภาษณ์ที่สถานทูต ฯลฯ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ US Department of State หรือคู่มือ Step-by-step การขอวีซ่านักเรียนสหรัฐฯและควรเริ่มดำเนินการล่วงหน้าเพื่อเตรียมเอกสารให้ครบลดโอกาสเกิดความล่าช้า

ที่ปรึกษาของ IDP สามารถช่วยคุณตรวจสอบเงื่อนไขวีซ่าล่าสุดและเชื่อมต่อคุณกับผู้เชี่ยวชาญด้านการย้ายถิ่นฐานที่ได้รับอนุญาตได้เช่นกัน

ค่าใช้จ่ายเรียนต่ออเมริกาสำหรับนักเรียนไทย

เรียนต่ออเมริกาใช้เงิน เท่า ไหร่? นี่เป็นคำถามยอดฮิตของทั้งนักเรียนและผู้ปกครองเพราะต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายเรียนต่ออเมริกาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ

โดยประมาณหากดูเฉพาะค่าเล่าเรียนต่อปี:

  • ระดับปริญญาตรี (Bachelor’s degree): ประมาณ USD $20,000 – $40,000 ต่อปีขึ้นกับมหาวิทยาลัยและสาขา

  • ระดับปริญญาโท (Master’s degree): ประมาณ USD $20,000 – $45,000 ต่อปี

นอกจากค่าเล่าเรียนแล้วเรียนต่ออเมริกา ค่าใช้จ่าย ยังรวมถึง:

  • ค่าวีซ่าและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง

  • ค่าที่พัก (หอใน / หอนอก / เช่าบ้าน/คอนโด)

  • ค่าอาหารและค่าครองชีพ

  • ค่าประกันสุขภาพ

  • ค่าอุปกรณ์การเรียน หนังสือ และอุปกรณ์เสริม

การจัดทำงบประมาณอย่างละเอียดก่อนเดินทางโดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆจะช่วยให้คุณและครอบครัววางแผนการเงินได้ดีขึ้นและใช้ชีวิตระหว่างเรียนต่ออเมริกาได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณมากจนเกินไป

ทุนการศึกษาและความช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับนักเรียนไทย

แม้สหรัฐอเมริกาจะมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและค่าครองชีพค่อนข้างสูงแต่นักเรียนไทยก็มีโอกาสขอทุนเรียนต่ออเมริกาและการสนับสนุนด้านการเงินจากหลายแหล่งทั้งจากมหาวิทยาลัยโดยตรงและจากรัฐบาลหรือองค์กรต่างๆ

ทุนการศึกษาในอเมริกามีหลายประเภทเช่น:

  • ทุนตามผลการเรียน (Merit-based Scholarships)

  • ทุนตามความจำเป็นด้านการเงิน (Need-based)

  • ทุนเฉพาะสำหรับนักเรียนต่างชาติหรือเฉพาะประเทศ

ทุนบางประเภทครอบคลุมค่าเล่าเรียนอย่างเดียวขณะที่บางโครงการอาจรวมถึงค่าที่พักค่าครองชีพ หรือค่าเดินทางด้วย หากวางแผนเรียนต่ออเมริกา การได้ทุนจะช่วยให้การเรียนต่อต่างประเทศทั้ง“คุ้มค่า” และ“จับต้องได้” มากขึ้นสำหรับนักเรียนไทย

ก่อนสมัครทุนควรตรวจสอบเงื่อนไข คุณสมบัติ และวันปิดรับสมัครให้ชัดเจนพร้อมเตรียมเอกสาร เช่น Transcript, Recommendation Letter, Personal Statement ให้พร้อม

ค่าครองชีพในอเมริกาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ

นอกเหนือจากค่าเล่าเรียนแล้วนักเรียนไทย่วางแผนควรวางแผนค่าครองชีพเรียนต่ออเมริกาอย่างจริงจังด้วย เพราะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสามารถสะสมจนเป็นก้อนใหญ่ได้

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเจอเช่น:

  • ค่าอาหารและของใช้จำเป็น

  • ค่าโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต

  • ค่าเดินทางขนส่งสาธารณะหรือค่ารถ

  • ค่าใช้จ่ายด้านกิจกรรมยามว่างความบันเทิง และท่องเที่ยว

ค่าครองชีพในเมืองใหญ่เช่น New York, Los Angeles, San Francisco มักจะสูงมากทั้งค่าที่พักและค่ากินอยู่ขณะที่เมืองเล็กหรือเมืองมหาวิทยาลัย (College Town) หลายแห่งจะประหยัดกว่าแต่ยังคงให้คุณภาพการศึกษาในระดับเดียวกัน

การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างเมืองต่างๆในสหรัฐฯ กับค่าใช้จ่ายที่คุ้นเคยในไทยจะช่วยให้คุณวางแผนงบประมาณได้สมจริงขึ้นและรู้ว่าควรมองหาทุนหรือความช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติมหรือไม่

โอกาสทำงานหลังเรียนจบและเส้นทางอาชีพสำหรับนักเรียนไทย

การเรียนต่ออเมริกามอบโอกาสทั้งด้านการเรียนและการทำงานหลังเรียนจบนักศึกษาต่างชาติสามารถใช้โอกาสนี้เพิ่มประสบการณ์ทำงานจริงในตลาดแรงงานสหรัฐฯผ่านโปรแกรมต่างๆ

ตัวอย่างที่สำคัญคือOptional Practical Training (OPT)* ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนต่างชาติที่ถือวีซ่า F-1 สามารถทำงานในสหรัฐฯได้สูงสุด 12 เดือนหลังเรียนจบ โดยงานที่ทำต้องเกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียนและหากคุณจบในสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) คุณอาจมีสิทธิ์ขอขยายระยะเวลา OPT เพิ่มอีก 24 เดือน รวมเป็น 36 เดือนของการทำงานอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ

ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสทองในการนำความรู้จากห้องเรียนมาปรับใช้กับงานจริงสร้างประสบการณ์การทำงานในองค์กรหรือบริษัทระดับโลกและเพิ่มความแข็งแกร่งให้เรซูเม่ของคุณหลายคนใช้โอกาสนี้ในการสำรวจเส้นทางอาชีพระยะยาวหรือมองหาสปอนเซอร์วีซ่าทำงานในอนาคต

*โปรดทราบว่า IDP ไม่ได้เป็นผู้ออกหรือจัดการวีซ่าทำงานหลังเรียนจบให้กับนักเรียน

Live life in the FastLane

อยากรู้ว่าคุณมีคุณสมบัติเรียนต่ออเมริกาหรือไม่? บริการ FastLane ของ IDP จะช่วยเร่งกระบวนการสมัครของคุณกับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯและช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้รับ Offer เร็วกว่าคนอื่นถึง 2–3 เท่า

FastLane จะช่วยแนะนำโปรแกรมเรียนที่เหมาะกับคุณมากที่สุดโดยอิงจากเป้าหมายและความสนใจของคุณกรอกข้อมูลความสนใจในการเรียนเพื่อค้นหาและลิสต์คอร์สเรียนต่ออเมริกาที่สอดคล้องกับอนาคตที่คุณต้องการจากนั้นกรอกข้อมูลผลการเรียนและรายละเอียดทางวิชาการเพียงเท่านี้คุณก็พร้อมรับคำตอบจากมหาวิทยาลัยในเวลาไม่นาน

ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยที่รองรับ FastLane เพื่อเร่งเส้นทางการเรียนต่ออเมริกาของคุณได้เลย

ขั้นตอนถัดไปสำหรับนักเรียนไทยที่อยากเรียนต่ออเมริกา

การเรียนต่ออเมริกาไม่ใช่แค่การได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยระดับโลกแต่ยังเป็นโอกาสในการค้นหาตัวเองฝึกคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพทักษะเหล่านี้คือฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเติบโตในสายอาชีพในอนาคต

บรรยากาศที่หลากหลายของสหรัฐฯยังช่วยหล่อหลอมให้คุณเป็นคนที่ยืดหยุ่นเปิดกว้าง และปรับตัวเก่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่โลกการทำงานยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างมาก

ไม่ว่าคุณจะหลงใหลในเมืองใหญ่วิจัยล้ำสมัย หรือสังคมนักเรียนต่างชาติแบบหลากหลายการเรียนต่ออเมริกาก็มีทางเลือกให้คุณเสมอหากคุณกำลังมองหาโอกาสทางการศึกษาที่ก้าวข้ามพรมแดนและเสริมพลังให้อนาคตของตัวเอง“สหรัฐอเมริกา” คือหนึ่งในคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม

พูดคุยกับที่ปรึกษา IDP Education เอเจนซี่เรียนต่อต่างประเทศวันนี้ เพื่อสำรวจตัวเลือกของคุณและเริ่มต้นเส้นทางสู่การเรียนต่ออเมริกาอย่างมั่นใจและมีแผนรองรับครบถ้วน

A minimalist icon with a black outline of a dollar coin. To the left of the coin are two short, horizontal, overlapping shapes, one yellow and one orange, suggesting a quick transaction or movement of money.

Send funds securely with money transfer

Explore safe, convenient and fast payment solutions with our market leading partners.

Get started
A minimalist outline icon of a house, distinguished by its black body and a roof composed of two organic, leaf-like shapes—one vibrant green and one teal—suggesting an eco-friendly or natural aspect to housing.

Find your home away from home

We’ll help you discover student accommodation that makes you feel comfortable and at home, no matter where you are.

Get started
Cost calculator icon for estimating living expenses.

Cost of living calculator

Estimate how much you will need to cover your expenses including cost of living comparison for various country and accommodation options.

Calculate now

Can’t decide where to study?

Answer 5 quick questions to get personalised content and course recommendations

ASK IDP

Our Counselors and institutions answer your burning questions in less than 30 seconds